Goo

Can't find topic? find it here

Monday, September 29, 2008

Thai art

1
1

2
2

3
3

4
4

5
5

6
6

7
7

8
8

9
9

10
10

11
11

12
12

13
13

14
14

15
15

Paleontological Museum
















To cure Hyperactive disease.

10 วิธีบำบัดเด็กสมาธิสั้น
 

 

10 วิธีบำบัดเด็กสมาธิสั้น

     ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เหมือนยิ่งเป็นปัญหาหนักอกให้กับคนดูแลเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากน้องๆ มักไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง เพราะมีความซุกซนตามวัยแล้ว บางส่วนยังส่ออาการ “สมาธิสั้น” ให้พ่อแม่ได้เริ่มเห็น อาการของเด็กสมาธิสั้นนั้น ส่วนใหญ่จะพบว่าเด็กชายมักเป็นเด็กที่มีสมาธิสั้นมากกว่าเด็กหญิง คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เพราะเรามี 8 วิธีบำบัด เด็กสมาธิสั้น มาฝากคุณ

     1. อย่าเปิดทีวี ให้มีเสียงดังจนเกินไป หรือสภาพแวดล้อมในบ้านต้องไม่วุ่นวายหรือมีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง 
     2. หามุมสงบสำหรับเด็ก เพื่อให้เกิดสมาธิในการทำการบ้าน 
     3. ฝึกฝนวินัยให้เด็ก สร้างกรอบกฎเกณฑ์ มีตารางเวลาชัดเจน ไม่ปล่อยละเลยหรือตามใจจนทำให้เด็กติดเกม
     4. มีการสื่อสารที่สั้น กระชับ ชัดเจน หากไม่แน่ใจให้เด็กทบทวนว่าสิ่งที่สั่งสอนไปคืออะไรบ้าง 
     5. มีความเข้าใจในพฤติกรรมของเด็กสมาธิสั้นอย่างจริงจังและจริงใจ 
     6. จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้เกิดความมีระเบียบ ไม่ปล่อยให้บ้านรกรุงรัง
     7. อย่าทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย 
     8. ไม่ควรจับกลุ่มให้เด็กสมาธิสั้นอยู่ใกล้ชิดกับเด็กที่มีปัญหาแบบเดียวกัน เพราะจะทำให้กลายเป็นเด็กที่เกเรก้าวร้าวได้
     9. ส่งเสริมจุดแข็งข้อดีในตัวเด็ก เพื่อให้เด็กรู้สึกดี และเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง
     10. จัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้ได้ใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ และใช้พลังงานส่วนเกินอย่างเหมาะสม รวมถึงเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว เช่น ออกกำลังกาย หรือเล่นดนตรี ตามที่เด็กสนใจ “สุขภาพใจ” ของเด็กๆ มีความสำคัญต่อพัฒนาทางอารมณ์และจิตใจของเด็ก ผู้ปกครองควรอย่างใกล้ชิด แล้วอนาคตของชาติ ก็จะสดใสทั้งกายและใจได้ไม่ยาก” 

Wednesday, September 17, 2008

Hand felt wrong read it

ใครมือชาบ่อยๆ ต้องอ่าน !
 

มือชา กลุ่มอาการกดทับเส้นประสาทฝ่ามือ 

 
อาการของมือชา 
การกดทับเส้นประสาทที่ฝ่ามือ จะทำให้มีอาการปวดมือและปวดร้าวขึ้นไปที่แขนมักจะมีอาการชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางและบางส่วนของนิ้วนางตามแนวของเส้นประสาท 

อาการปวดจะมีมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานในลักษณะการเกร็งอยู่นานๆ เช่น การจับมีด กรรไกร การทำงานช่างที่ใช้ค้อนหรือใช้เครื่องมือที่มีแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่เครื่องเป่าผมจนถึงเครื่องกระแทกเจาะคอนกรีต มักจะมีอาการปวดในเวลากลางคืนหรือเวลาตื่นนอนตอนเช้าบางรายที่ถูกกดทับอยู่นานๆ จะเริ่มมีอาการอ่อนแรงของมือ เช่น จะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีแรงเวลากำมือ โดยเฉพาะการใช้มือหยิบของเล็กๆ จะทำได้ลำบากและมีกล้ามเนื้อลีบที่ฝ่ามือ 

 
สาเหตุและพยาธิสภาพ 
อาการปวดและชาเกิดเนื่องจากมีความดันสูงในช่องอุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านที่บริเวณฝ่ามือ เนื่องจากมีการอักเสบและการหนาตัวของเนื้อเยื่อพังผืดที่คลุมช่องอุโมงค์นี้เกิดการกดทับเส้นประสาท ในรายที่เป็นอยู่มากๆ ก็จะเกิดเนื้อเยื่อพังผืดบางๆ รัดเส้นประสาทอีกชั้นหนึ่ง ทำให้การรักษาด้วยยาไม่ได้ผล 

การตรวจวินิจฉัย 
จะมีอาการปวดแปลบๆ เวลาเคาะที่เส้นประสาทอาจพบมีกล้ามเนื้อลีบ ในบางรายอาจต้องใช้การตรวจระบบไฟฟ้าของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ปัจจัยเสี่ยงและโรคที่เกี่ยวข้อง 
? โรคเบาหวาน 
? โรคข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ เก๊าต์ 
? โรคต่อมไทรอยด์บกพร่อง 
? ภาวะตั้งครรภ์ 
? ก้อนถุงน้ำหรือเนื้องอกในช่องอุโมงค์ 
? กระดูกหักบริเวณข้อมือ 
? การใช้งานมือนานๆ 
? ภาวะบวมน้ำจากโรคไต โรคตับ 
 
การรักษา? ให้หลีกเลี่ยงการใช้งานมือในลักษณะเกร็งนานๆ 
? ควบคุมหรือรักษาโรคประจำตัว โดยเฉพาะเบาหวานให้ดี 
? การใช้ยาลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ชนิดรับประทานมักจะได้ผลดี โดยอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ 
? บางรายอาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วยดามข้อมือชั่วคราว 
? การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าในช่องอุโมงค์จะช่วยอักเสบและบางรายจะหายได้ 

การผ่าตัด 
เป็นการรักษาในรายที่มีอาการมากหรือกล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรงหรือลีบลง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาและการรักษาด้วยการผ่าตัดทำให้โรคหายขาดได้ 
การผ่าตัดจะเป็นการตัดและเลาะผังผืดที่รัดเส้นประสาท ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็กและผู้ป่วยสามารถใช้งานได้ภายใน 2 สัปดาห์ และจะใช้งานได้ตามปกติ ภายใน 4 - 6 สัปดาห์ 

7 tip making heart stronger

~~~ 7 ท่าเพิ่มพลังหัวใจ ~~~
 

ด้วยสภาวะแวดล้อมที่ตึงเครียดมากขึ้น การออกกำลังกายน้อยลง ทำให้โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้นๆ ของคนไทย 

วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือการออกกำลังแบบต่อเนื่อง (ออกกำลังกายให้รู้สึกเหนื่อยแต่ยังพูดคุยได้) นอกจากการวิ่ง ว่ายน้ำ และขี่จักรยานแล้ว การบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายยังเป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้หัวใจคุณแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ถึงร้อยละ10 ไขมันลดลง และกล้ามเนื้อกระชับ 

      ก่อนออกกำลังกายควรยืดหยุ่นร่างกายประมาณ 5-10 นาที และออกกำลังครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่าง น้อย ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะเป็นการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อหัวใจคุณมากที่สุด  

    1. ท่านั่งพิงกำแพง 
ยืนเอนหลังพิงกำแพง โดยให้เท้าทั้งสองข้างห่างจากกำแพงพอประมาณ ค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ เหมือนกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ จนหัวเข่าทำมุมตั้งฉากและขยับเท้าให้พอดีเพื่อไม่ให้หัวเข่ายื่นเลยนิ้วเท้า หลังตรงพิงกำแพงค้างไว้ 20-30วินาที  

    2. ท่ายกขาด้านนอก 
ใช้เบาะหรือผ้าปูพื้นเพื่อกันลื่น จากนั้นนอนตะแคงด้านซ้าย ใช้มือซ้ายรองศีรษะไว้ วางมือขวายันพื้นด้านหน้าเพื่อการทรงตัว เกร็งกล้ามเนื้อท้องจากนั้นยกขาขวาขึ้น 45 องศาแล้ววางลง พยายามให้สะโพกด้านบนและล่างเป็นแนวเดียวกัน อย่าให้ตัวเอนขณะยกขา ทำ 8-12 ครั้ง หรือเท่าที่ทำได้ ทำสลับอีกข้าง  

    3. ท่ายกขาด้านใน 
นอนตะแคงซ้ายเช่นเดียวกับท่าที่ 2 จากนั้นเหยียดขาซ้ายให้ตรง ไขว้ขาขวามาด้านหน้าขาซ้าย จากนั้นใช้มือขวาจับข้อเท้าขวาไว้ เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องแล้วยกขาซ้ายขึ้นประมาณ30-45 องศา หรือเท่าที่ทำได้แล้ววางลง ทำอย่างช้าๆ จำนวน 8-12 ครั้ง ทำสลับอีกข้าง  

   4. ท่าวิดพื้นประยุกต์ 
เริ่มจากนอนคว่ำ วางมือทั้งสองข้างลำตัว บริเวณหน้าอกให้กว้างกว่าไหล่เล็กน้อย ยกปลายเท้าทั้งสองข้างขึ้นโดยให้หัวเข่าทั้งสองข้างแตะพื้น หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหายใจออกค่อยๆเหยียดแขนขึ้นเพื่อยกลำตัว หายใจเข้าลดลำตัวลงให้ขนานกับพื้น พยายามให้หลังตรงขณะทำท่า หากไม่ถนัดสามารถวางปลายเท้าลงกับพื้นได้ ทำ 5-12 ครั้ง ท่านี้ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับหลังควรปรึกษาแพทย์  

    5. ท่ายืดสะโพก 
เริ่มจากคุกเข่า วางข้อศอกกับพื้นให้แขนตั้งฉาก จากนั้นยกขาขวาขึ้นช้าๆ งอเข่าทำมุม 90 องศาโดยหงายฝ่าเท้าขึ้นไปทางเพดาน แล้วค่อยๆ ลดขาลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำข้างละ 8-12 ครั้ง  

    6. ท่าเกร็งหน้าท้อง 
นอนหงาย มือทั้งสองข้างประสานไว้ใต้ศีรษะ จากนั้นค่อยๆยกขาและสะโพกขึ้น แล้วงอเข่าให้ตั้งฉากกับพื้นค้างไว้ ยกศีรษะหน้าอกและไหล่ขึ้นช้าๆ พยายามให้ต้นขาตรงไม่เอนไปมา จากนั้นค่อยๆ วางศีรษะและขาลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำ8-12 ครั้ง  

    7. ท่าซูเปอร์แมน 
นอนคว่ำยืดแขนทั้งสองข้างไปด้านหน้า สะโพกราบกับพื้น จากนั้นเกร็งหน้าท้องยกแขนขวาและขาซ้ายขึ้นพร้อมๆกันลดลง แล้วยกแขนซ้ายและขาขวาขึ้น วางลงทำสลับกันไปมา 8-12 ครั้ง จากนั้นหยุดพักเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายร่างกายอีก 5 – 10 นาที  

Friday, September 5, 2008

stop your old by soy beans

~~~เป็นหนุ่มและสาวอยู่เสมอถ้ากินถั่วลิสง ~~~



ถั่วลิสงเป็นพืชที่มีคุณค่าทางการบำรุงร่างกายสูงกล่าวกันที่ช่วยให้มีอายุยืน จนได้รับสมญานามว่า พืชอายุวัฒนะ ถั่วลิสงมีโปรตีนสูงประมาณ ๓๐% จะเป็นรองก็แต่ถั่วเหลืองเท่านั้น ปริมาณโปรตีนในถั่วลิสงสูงกว่าในข้าวสาลี ๑ เท่า สูงกว่าข้าว ๓ เท่า เมื่อเทียบกับไข่ไก่ นมวัว เนื้อสัตว์แล้ว ก็ไม่ด้อยกว่ากัน นอกจากนี้โปรตีนในถั่วลิสงเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดชึมไปใช้ได้ง่าย คือร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ถึง ๙๐% นอกจากนี้ ถั่วลิสงยังประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ๘ ชนิด ในอัตราที่เหมาะสม ถั่วลิสงยังมีไขมัน วิตามิน บี ๒ โคลีน (choline) กรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว เมธิโอนีน (Methionine) และวิตามิน เอ-บี-อี-เค แคลเชียม เหล็ก และธาตุอื่นๆ อีกกว่า ๒๐ ชนิดทุกส่วนของถั่วลิสง เช่นเม็ด เยื่อหุ้มเมล็ด เปลือก ใบ ลำต้น น้ำมัน ต่างมีสรรพคุณทางยาที่ต่างกัน การบริโภคน้ำมันถั่วลิสงเป็นประจำ จะทำให้โคเลสเตอรอลในตับสลายตัวเป็นกรดน้ำดี (bileacid) ไม่เพียงแต่ลดโคเลสเตอรอลลงเท่านั้น ยังเป็นการป้องกันหลอดเลือดตีบ และโรคหัวใจของคนในวัยกลางวันและวัยสูงอายุได้ ผลการทตลองทางการแพทย์พบว่า เยื่อหุ้มเมล็ดของถั่วลิสง สามารถยับยั้งการสลายของ Fibrinกระตุ้นกระดูกให้ผลิดเกล็ดเลือด (Thrombocyte) เพิ่มสมรรถภาพในการหดตัวของเส้นเลือดฝอย ช่วยในการห้ามเลือด ถั่วลิสงเป็นพืชที่ทุกคนกินดี เด็ก ๆ กินแล้วเสริมความจำ ช่วยในการเจริญเติบโต ส่วนคนแก่ช่วยบำรุงร่างกาย นอกจากนี้ยังนำถั่วลิสงมาปรุงเป็นตำรับยารักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น ๑. ความดันโลหิตสูง ใช้เมล็ดถั่วลิสงแช่ในน้ำส้มสายชู ๗ วัน ให้เคี้ยวกินก่อนนอนครั้งละ ๗-๘ เม็ดกินติดต่อกัน ๗ วัน เปลือกถั่วลิสงล้างให้สะอาดแล้วตำให้แหลก ใช้ครั้งละ ๕๐-๑๐o กรัม ชงน้ำร้อนดื่มต่างน้ำชา สามารถใช้กับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ coronaryได้ หมายเหตุ ผู้ป่วยต้องวัดความดันโลหิตเป็นประจำ ถ้าไม่ได้ผลควรปรึกษาแพทย์ ๒. เกล็ดเลือดต่ำ ถั่วลิสงพร้อมเยื่อหุ้มเมล็ด ๖๐ กรัม หรือคั่วกินวันละ ๓ ครั้งติดต่อกัน ๑ สัปดาห์ แต่ถั่วลิสงที่ชื้นและขึ้นรา จะเกิดสารอะฟลาทอกชิน (Aflatoxin) ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งได้ ฉะนั้นควรเก็บในที่แห้งและมิดชิด ที่สำคัญที่สุดถั่วลิสงที่ขึ้นราไม่ควรบริโภค ถ้าต้องการนำไปใช้ลดความอ้วน... ให้เดินหลังกินถั่วลิสง 10-20 นาทีทุกครั้ง จึงจะได้ผลดี

Wednesday, September 3, 2008

magnet+cure




เชื่อหรือไม่ แม่เหล็กสามารถรักษาแผลฟกซ้ำได้
เมื่อคุณปวดเมื่อย บวม หรือฟกช้ำดำเขียว เพียงใช้แม่เหล็กวางใว้ที่ปวดก็เพียงพอแล้ว
เพราะนักวิทย์ยาศาสตร์ ได้ทดลองนำแม่เหล็กไปวางใว้ที่เส้นเลือดฝอยของหนู พบว่า เส้นเลือดฝอยเล็กๆที่หกตัวอยู่ก็หดตัวลงเมื่อนักวิจัยนำแม่เหล็กไปทดลองใช้กับมนุษย์เมื่อการทดลองของอาการอักเสบอย่างชัดเจนมันก็เหมือนกับ เอาน้ำแข็งกับทั้งหมด เหลือเชื่อเนอะ
Do you belive me? Magnet can healing prople
When you get muscle hurt. just put magnet into the hurting place is enough.
Because scienctist has test that activity with rat. Her wound are healed.
It's like placing ices into the wound something like that.

Detox



DETOX “ดีท็อกซ์

ในระบบทางเดนอาหารโดย  ไม่ต้องสวนทวาร  และเพิ่มสารอาหารโปรตีน  คาร์โบไฮเดรต  วิตามิน  แร่ธาตุ  ด้วยโปรตีนสกัดจากถั่วเหลืองผสมธัญพืชเส้นใยสูงจากธรรมชาติ

DETOX “ดีท็อกซ์สารล้างพิษด้วยระบบธรรมชาติ

 

ทำไมต้องทำดีท็อกซ์ “DETOX”

                เพราะทุกวันนี้เราจะต้องเจอะกับปัญหามลภาวะที่เป็นพิษจะเข้าสู่ร่างกายเราโดยทางตรงและทางอ้อม   ทำให้เราไม่รู้ตัวเช่น  มลภาวะทางอากาศ  ควันพิษ  ฝุ่นละออง  สารเคมี  สารปนเปื้อน  สารตะกั่ว  สารปรอท  ยาฆ่าแมลง ฆ่าหญ้า  ปุ๋ยเคมี ยาปฏิชีวนะ  อาหารฟาสต์ฟู้ด (Junk Food) สารกันบูด  สารปรุงแต่งกลิ่น และสีผสมอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในร่างกายก็จะเต็มไปด้วย  สารตกค้างของยาฆ่าแมลง  สารเคมีหรือสารเร่งการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ (สารเร่งเนื้อแดง) แม้กระทั่งน้ำดื่มที่เราคิดว่าสะอาด  แต่อาจจะมีสารปนเปื้อนตกค้างอยู่ถ้ากระบวนการกรองและการฆ่าเชื้อโรคไม่ได้มาตรฐาน  สารพิษสะสมตกค้างเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาโรคต่างๆ ได้  การสะสมของสารพิษในร่างกายเราจะเพิ่มมากขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวเมื่อสารพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายเราจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด  และกระจายไปทั่วร่างกายแล้วจะซึมเข้าสู่ตับ  วึ่งจะทำให้ตับและไตทำงานหนักในการฟอกและสารสลายพิษให้ออกจากร่างกาย เมื่อร่างกายขับสารพิษออกไม่หมดก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย ยิ่งนานวันเข้าสารพิษตกค้างสะสมมากขึ้นสุขภาพร่างกายของเราก็จะเริ่มมีอาการต่าง ๆ เช่น  อาการปวดหัว  ปวดหลัง  เครียด  ปวดเมื่อยตามร่างกาย  อ่อนเพลีย  ไม่มีแรง  นอนไม่หลับ  เกิด๓มิแพ้  ผิวพรรณหยาบกร้าน  ตกฝ้ากระดำบนใบหน้า  ลำไส้อักเสบ  ท้องอืด  ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เป็นบ่อเกิดของโรคทั้งนั้น  เมื่อเกิดปัญหาท้องผูกมาก ๆ หรือนานวันเข้าจะทำให้อุจจาระตกค้างสะสมอยู่ในลำไส้เพิ่มมากขึ้น  และทำให้อุจจาระไปเกาะตามผนังลำไส้เรามากขึ้นทำให้ลำไส้เราตีบ แคบลง และจะอุดตันไปในที่สุด และสิ่งที่เกาะตามผนังลำไส้เรานาน ๆ เรียกว่า ตะกรันอุจจาระ (สีดำและเหม็นมาก)

 

ความสำคัญของเส้นใยอาหาร

                เส้นใยอาหารก็คือ ส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างมหาศาลในช่วงปลายทศวรรษ 1980 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความสำคัญของเส้นใยอาหารในปัจจุบันนี้นักวิจัยจำนวนมากทั้งจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และสถาบันอื่น ๆ อีกหลายแห่งที่กำลังตื่นตัวเร่งศึกษาถึงคุณประโยชน์ของเส้นใยอาหารนี้กันอย่างกว้างขวาง  และนักวิจัยได้ชี้ให้เราเห็นประโยชน์ของเส้นใยอาหารที่มีหน้าที่คล้ายภารโรงที่คอยทำความสะอาดลำไส้  ช่วยเก็บกวาดสารพิษรวมทั้งสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ออก ไปจากร่างก่ย  เส้นใยอาหารจะช่วยชะล้างพิษในลำไส้และช่องท้อง และช่วยย่นเวลาการย่อยอาหารให้เร็วขึ้นแถมยังช่วยทำให้ปริมาณสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายขับออกไปได้เร็วมากยิ่งขึ้นการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากจะทำให้เรารู้สึกอิ่มนานไม่รู้สึกหิวบ่อยและไม่ต้องกินจุบกินจิบตลอดเวลา

                โดยปกติถ้าคนเราถ้ากินอาหารประเภทเนื้อสัตว์  ของทอด  ปิ้ง  ย่าง มากเกินไป  อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกขึ้นได้ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้หริอโรคอื่นใดที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารก็จะมากขึ้นตามไปด้วย  โดยเฉพาะถ้าท่านยังกินอาหารที่มีแต่ไขมันและน้ำตาลมากอยู่เหมือนเดิม

                แต่ถ้าเราเน้นกินอาหารที่มีปริมาณโปรตีนที่พอเหมาะกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารให้มากขึ้นและที่มีไขมันให้น้อยลง ระบบย่อยอาหารก็จะทำงานได้ดีขึ้นส่งผลให้ลำไส้และอวัยวะภายในอื่น ๆ มีสุขภาพดีตามไปด้วยโอกาสที่จะเป็นมะเร็งบางอย่างน้อยลง

               

เส้นใยอาหารมี 2 ชนิด

เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ  พบได้ในอาหารธัญพืชที่ได้จากรำข้าวธัญพืช ไม่ขัดขาว  ขนมปัง  พาสต้า  และผัก  ส่วนใหญ่  ทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำด้วยการดูดซับน้ำไว้ในลำไส้  ทำให้ตัวมันนุ่มขึ้น  รวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่เพื่อเพิ่มปริมาณอุจจาระ  เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ได้เร็วขึ้น  หากขาดเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำจะทำให้ท้องผูก

เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ  ส่วนใหญ่พบในถั่วที่เมล็ดแห้ง  ข้าวโอ๊ต  ข้าวบาร์เลย์  ข้าวไรซ์  และผลไม้ เมื่อรวมตัวกับน้ำจะได้สารเหมือนเมือก  เจล  ส่งผลให้การย่อยและดูดซึมอาหารช้าลง  ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด  ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นหลังรับประทานอาหาร  อีกทั้งยังเป็นอาหารสุขภาพที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้

 

กระบวนการย่อยอาหารของเรานั้น  ลำไส้จะทำหน้าที่ย่อยสิ่งที่กระเพาะย่อยไม่ได้และดูดซึมไปใช้โดยมีน้ำย่อยจากตับอ่อนออกมาช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อที่เรารับประทานเข้าไป หากลำไส้เล็กย่อยไม่หมดก็จะเหลือตกค้างและเคลื่อนที่ไปสะสมอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ก็เกิดการหมักหมมและบูดเน่ากลายเป็นพิษต่าง ๆ ขึ้น ภายในลำไส้ใหญ่  ซึ่งยาว 5-7 ฟุต ขดเป็นรูปตัวยูคว่ำ  ลำไส้ใหญ่จะบีบตัวดูดซึมน้ำและของเหลวออกจากกากที่ตกค้าง  ซึ่งกว่าของเสียจะถูกขับออกมาทางมวารหนักต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน  บางคนที่ท้องผูกเรื้อรังใช้เวลาเป็นสัปดาห์  โดยของเสียและสารพิษยิ่งถูกปล่อยให้คั่งค้างสะสมอยู่ในร่างกายยิ่งนาน  ก็ยิ่งถูกดูดซึมกลับสู่กระแสเลือดมากเท่านั้น

                ถึงแม้ว่าคนที่ขับถ่ายได้ดีร่างกายก็ไม่สามารถกำจัดของเสียและสารพิษในลำไส้ใหญ่ได้หมดสิ้น  ดังนั้นภายในส่วนลึกลำไส้ใหญ่ของเราทุกคนล้วนยังคงมีของเสียและสารพิษตกค้างอยู่  ซึ่งถ้าเราปล่อยให้สะสมอยู่เป็นเวลานาน  นอกจากจะถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว  ส่วนที่เกาะติดอยู่ที่ผนังลำไส้สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายอย่างเช่น มะเร็งลำไส้ ได้อีกด้วย  ดังนั้นผู้ที่ต้องการมีสุขภาพที่ดี  อายุยืนยาวและห่างไกลจากโรคร้าย  สิ่งหนึ่งที่ควรทำเป็นประจำ  คือช่วยร่างกายกำจัดหรือขับของเสียและสารพิษที่คั่งค้างสะสมอยู่ในลำไส้ใหญ่ให้อกจากร่างกายให้หมดไปด้วยการทำ ดีท็อกซ์ Detox  ด้วยระบบธรรมชาติ

            คุณประโยชน์ที่ได้รับจากโปรตีนสกัดจากถั่วเหลืองผสมธัญพืช

1.  ขับถ่ายและล้างสารพิษ  สารตกค้าง  ของเสียในระบบทางเดินอาหาร  ระบบเลือด  ระบบทางเดินอาหารของน้ำและน้ำเหลือง ให้ออกจากร่างกายในปริมาณที่มากขึ้น

2.  ทำให้ระบบการย่อย การดูดซึมอาหาร การขับถ่ายให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ลดสารพิษในลำไส้  ลดปัญหาท้องผูก  ปรับสมดุลในร่างกาย

3.  เพิ่มสารอาหารต่าง ๆ เช่นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต  แร่ธาตุ  วิตามิน  และเกลือแร่  ชาวยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ  และสร้างเซลล์ใหม่ สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

4.  ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส  ไม่หมองคล้ำ  ลดกลิ่นตัวกลิ่นปาก

5.  ทำให้สมองผ่อนคลาย  ประสาทไม่ตึงเครียด  จิตใจแจ่มใสร่าเริง  กระปรี้กระเปร่าสดชื่น

6.  เหมาะสำหรับผู้ต้องการกำจัดสารพิษ  สารตกค้าง  ของเสีย  ควบคุมน้ำหนัก  ผู้มีปัญหาลำไส้แปรป่วน  ริดสีดวงทวาร  ท้องผูกเรื้อรัง  ผู้มีความเสี่ยงต่อโรคเสื่อมต่าง ๆ เช่นมะเร็ง  เบาหวาน  หัวใจ  ความดันสูง  เส้นเลือดอุดตัน  ลดคอเลสเตอรอล โรคอ้วน  และผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงต่อการสะสมสารพิษในร่างกาย

 

วิธีรับประทาน

รับประทานก่อนอาหาร เช้า - เย็น ½ - 1 ชั่วโมง 1 ช้อน (10 กรัม)  ชงในน้ำ 250 มิลลิลิตร  คนให้เข้ากันรีบรับประทานอาหารทันที  หรือจะผสมน้ำผลไม้  นมเปรี้ยว  ยาคูลท์  น้ำเต้าหู้  น้ำนม  แล้วดื่มน้ำตามอีก 1 - 2  แก้ว

หมายเหตุ : สำหรับท่านที่มีปัญหาท้องผูกมาก ๆ ให้ทานวันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 15 30  นาที  และให้ทานตืดต่อกันนาน 3 - 5 วัน  หลังจากนั้นให้ท่านทาน วันละ 2 หรือ 3 ครังต่อวันก็ได้

-                   ท่านที่จ้องการลดน้ำหนัก  ให้ทานวันละ 3 เวลา  ก่อนอาหาร 15 30 นาที

เป็นประจำทุกวัน

 

เส้นใยอาหารที่ท่านได้รับ

***ใน 1 ½  ช้อน  มีเส้นใยอาหารทั้งหมด 5 กรัม  ประกอบด้วย ใยอาหารที่ละลายน้ำได้

 2.015 กรัม  ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ 3.045 กรัม

***ใน 1 ซอง มีใยอาหารทั้งหมด 5 กรัม ประกอบด้วย ใยอาหารที่ละลายนำได้ 2.015 กรัม

ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ 3.045 กรัม

 

 

 

 

               

 

               

 

 

Search here